วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2563

รีวิว สัปดาห์ 3 (13-19 เม.ย.63)

ช่วงนี้โควิท 19 ระบาด

.....หยุดเชื้อ เพื่อชาติ อยู่บ้าน ...ตามนโยบายรัฐ

ขอรีวิวการออกกำลังกายในสัปดาห์ที่ 3 (13 - 19 เมษายน 2563)

รอบนี้นะครับ ไม่มีแรงบันดาลใจใดๆ แล้วจะไม่ค้นหาด้วย

เพื่อนแนะนำมาว่า 

...ให้คิดว่าการออกกำลังกาย คือ ...หน้าที่ ...ที่ต้องทำทุกวัน

พยายามดูคลิปให้ได้จนจบ ไม่ไหวพัก แต่ห้ามปิดคลิป หรือเดินไปดูหนัง

ยกตัวอย่าง ต้องไปส่งแฟนส่งลูก ไปทำงาน ไปเรียน แม้ว่าจะขี้เกียจแค่ไหนก็ต้องทำ จบ.


มาเริ่มที่อาหารนะครับ ..ง่ายๆ เลย
เช้า -- ไข่ต้ม 2 ลูก กับสลัดผัก
กลางวัน -- ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว / สลัดผัก / ถั่วแระญี่ปุ่น
เย็น -- งด

วันจันทร์ 13 เม.ย. 63   เล่น Chest & Back..ไม่เล่น
วันอังคาร 14 เม.ย.  เล่น Plyometrics ..เล่นจนจบคลิปวันแรก แต่เล่นได้ไม่ทุกท่า ประมาณ40%    
                             อารมณ์คือ โคตรเหนื่อยหอบ เล่นจบ เดินไม่เป็นท่า
วันพุธ 15 เม.ย.    เล่น Shoulder & Arms วันนี้เล่นจนจบ ใช้ดัมเบล 4 กับ 6 กิโล
                         เล่นได้ประมาณ 50%เหงื่อออกมาก ปวดแขนไหล่สุดๆ
วันพฤหัส 16 เม.ย.  เล่น YogaX3 แค่ครึ่งชั่วโมง ทำได้จนจบคลิป แต่เอาจริงๆได้แค่ 30%
                              แต่ละท่า ขาสั่น แขนสั่น ทำตามไม่ได้สักกะท่า แต่ก็พยายามทำให้ได้ทุกท่า
                            
วันศุกร์ 17 เม.ย.   ไม่เล่น
วันเสาร์ 18 เม.ย.   ไม่เล่น
วันอาทิตย์ 19เม.ย.  ไม่เล่น

สรุปผลที่ได้ในสัปดาห์ที่ 2

น้ำหนัก             จากเดิม 90.3        เหลือ  89.4 
หน้าอก            จากเดิม 39.5        เหลือ 39"
เอว/พุง (เขม่ว)  จากเดิม 43(41")   เหลือ 41.5"(40.5")
สะโพก             จากเดิม 41"          เท่าเดิม
ต้นแขนซ้าย      จากเดิม 33cm.      เหลือ 32
ต้นแขนขวา       จากเดิม 32cm.      เพิ่ม 33
ท่อนแขนซ้าย    27cm.                   เหลือ 26
ท่อนแขนขวา     29cm.                   เหลือ 28.5
ต้นขาซ้าย         จากเดิม 58cm.      เท่าเดิม
ต้นขาขวา          จากเดิม 61cm.      เท่าเดิม

วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2563

รีวิว สัปดาห์ 2 P90X (6 - 12 เม.ย. 63)

ช่วงนี้โควิท 19 ระบาด

.....หยุดเชื้อ เพื่อชาติ อยู่บ้าน ...ตามนโยบายรัฐ

ขอรีวิวการออกกำลังกายในสัปดาห์ที่ 2 (6 - 12 เมษายน 2563)

รอบนี้นะครับ ไม่มีแรงบันดาลใจใดๆ แล้วจะไม่ค้นหาด้วย

เพื่อนแนะนำมาว่า 

...ให้คิดว่าการออกกำลังกาย คือ ...หน้าที่ ...ที่ต้องทำทุกวัน

พยายามดูคลิปให้ได้จนจบ ไม่ไหวพัก แต่ห้ามปิดคลิป หรือเดินไปดูหนัง

ยกตัวอย่าง ต้องไปส่งแฟนส่งลูก ไปทำงาน ไปเรียน แม้ว่าจะขี้เกียจแค่ไหนก็ต้องทำ จบ.


มาเริ่มที่อาหารนะครับ ..ง่ายๆ เลย
เช้า -- ไข่ต้ม 2 ลูก กับสลัดผัก
กลางวัน -- ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว / สลัดผัก / ถั่วแระญี่ปุ่น
เย็น -- งด
แต่เอาจริงๆ ทั้งสัปดาห์นี้ไม่หิวกลางคืนเลย แต่มีอยู่ 1 คืน 
ดันกินถั่วแระญี่ปุ่น 500 กรัม ----> นั่นแระ เป็นประเด็นเลย น้ำหนักขึ้น ลดไม่ลง

ขาดสติสุดๆ รู้สึกผิดมากๆ.....กินอย่างไร้สติ


วันจันทร์ 6 เม.ย. 63   เล่น Chest & Back วันนี้ปวดระบมมาก ...ไม่เล่น
วันอังคาร 7 เม.ย.  เล่น Plyometrics ..เล่นจนจบคลิปวันแรก แต่เล่นได้ไม่ทุกท่า ประมาณ40%    
                             อารมณ์คือ โคตรเหนื่อยหอบ เล่นจบ เดินไม่เป็นท่า
วันพุธ 8 เม.ย.    เล่น Shoulder & Arms วันนี้เล่นจนจบ ใช้ดัมเบล 4 กับ 6 กิโล
                         เล่นได้ประมาณ 50%เหงื่อออกมาก ปวดแขนไหล่สุดๆ
วันพฤหัส 9 เม.ย.  เล่น YogaX3 แค่ครึ่งชั่วโมง ทำได้จนจบคลิป แต่เอาจริงๆได้แค่ 30%
                              แต่ละท่า ขาสั่น แขนสั่น ทำตามไม่ได้สักกะท่า แต่ก็พยายามทำให้ได้ทุกท่า
                             ตามด้วยคลิปเบเบ้ cardio weight 30 นาที จนจบ
                            
วันศุกร์ 10เม.ย.   เล่น Leg & Back เล่นจนจบคลิป แบบอารมณ์ 60% 
                           ปวดเมื่อยนะ แต่ทนได้
วันเสาร์ 11เม.ย.   เล่น Kenpo X ศิลปะการต่อสู้ เล่นจนจบ อารมณ์ว่าน้ำหนักขึ้น เล่น 2 รอบเลย
                            ได้ประมาณ 60-80%  เหงื่อแตกท่วม ปวดแขน ปวดขา ลำตัว
วันอาทิตย์ 12เม.ย.  วันนี้เล่น Cardio ก่อน 45 นาที ทำได้ประมาณ 40% เนื่องจากปวดขาแขนมาก
                               ตามด้วยยืดเส้นคลายกล้ามเนื้อตั้งแต่หัว จรด เท้า

สรุปผลที่ได้ในสัปดาห์ที่ 2

น้ำหนัก             จากเดิม 90.3        เท่าเดิม ดันทานกลางคืนไปครั้งนึง
หน้าอก            จากเดิม 39.5        เท่าเดิม
เอว/พุง (เขม่ว)  จากเดิม 44(42")   เหลือ 43"(41")
สะโพก             จากเดิม 42"          เหลือ 41"
ต้นแขนซ้าย      จากเดิม 33cm.      เท่าเดิม
ต้นแขนขวา       จากเดิม 32cm.      เท่าเดิม.
ท่อนแขนซ้าย    27cm.
ท่อนแขนขวา     29cm.
ต้นขาซ้าย         จากเดิม 59cm.      เหลือ 58cm
ต้นขาขวา          จากเดิม 61cm.      เท่าเดิม


วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2563

รีวิว สัปดาห์แรก P90X (30 มี.ค. - 5 เม.ย. 63)

ช่วงนี้โควิท 19 ระบาด

.....หยุดเชื้อ เพื่อชาติ อยู่บ้าน ...ตามนโยบายรัฐ

ขอรีวิวการออกกำลังกายในสัปดาห์แรก (30 มีนาคม - 5 เมษายน 2563)

รอบนี้นะครับ ไม่มีแรงบันดาลใจใดๆ แล้วจะไม่ค้นหาด้วย

เพื่อนแนะนำมาว่า 

...ให้คิดว่าการออกกำลังกาย คือ ...หน้าที่ ...ที่ต้องทำทุกวัน

พยายามดูคลิปให้ได้จนจบ ไม่ไหวพัก แต่ห้ามปิดคลิป หรือเดินไปดูหนัง

ยกตัวอย่าง ต้องไปส่งแฟนส่งลูก ไปทำงาน ไปเรียน แม้ว่าจะขี้เกียจแค่ไหนก็ต้องทำ จบ.

มาเริ่มที่อาหารนะครับ ..ง่ายๆ เลย
เช้า -- ไข่ต้ม 2 ลูก กับสลัดผัก
กลางวัน -- ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาว / สลัดผัก / ถั่วแระญี่ปุ่น
เย็น -- งด
แต่เอาจริงๆ ตลอดทั้งสัปดาห์ มีมื้อดึกหลังจากออกกำลังกายแทบทุกคืน
เช่น ไข่เจียว ไข่ต้ม ถั่วแระ โจ๊กกระป๋อง ทาโร่ ขนม ฯลฯ มากมาย .....กินอย่างไร้สติ

วันจันทร์ 30 มี.ค.63 เล่น Chest & Back วันนี้ยังขี้เกียจอยู่ ...ไม่เล่น
วันอังคาร 31 มี.ค. เล่น Interval+ ..บอกคำเดียวเล่นไม่จบคลิป ประมาณ 20 นาทีเลิก แล้วเล่นได้แค่ 20%
                             อารมณ์คือ โคตรเหนื่อยหอบ เล่นจบ เดินไม่เป็นท่า ปวดระบมมาก
วันพุธ 1 เม.ย.    เล่น Shoulder & Arms วันนี้เล่นเกือบจบเหลือแค่ 3 ท่า ใช้ดัมเบิลน้ำหนัก 4 กิโลทุกท่า
                         เล่นได้ประมาณ 40% คือ กัดใจเล่น เหนื่อยมาก ปวดแขน ไหล่ โครตๆๆ
วันพฤหัส 2 เม.ย.  เล่น YogaX3 แค่ครึ่งชั่วโมง ทำได้จนจบคลิป แต่เอาจริงๆได้แค่ 30%
                             แต่ละท่า ขาสั่น แขนสั่น ทำตามไม่ได้สักกะท่า แต่ก็พยายามทำให้ได้ทุกท่า
วันศุกร์ 3 เม.ย.   เล่น Leg & Back เล่นได้แค่ครึ่งเดียว อารมณ์ว่า 40% แล้วมาปั่นจักรยานแทน 15 นาที
                          แต่ละท่าแทบไม่มีแรงขยับขา ขาสั่นมากมาย ปวดขามาก ระบมสุดๆ
วันเสาร์ 4 เม.ย.   เล่น Kenpo X ศิลปะการต่อสู้ ทนเล่นจนจบ แต่เล่นได้ประมาณ 30%
                           เหงื่อแตกท่วม ปวดแขน ปวดขา ลำตัว
วันอาทิตย์ 5 เม.ย.  Dynamix X แทนการยืดกล้ามเนื้อ
                               วันนี้เนี่ยไปทำสวนมา ปกติ ทำแค่ 15 นาทีหอบ แต่วันนี้แม่บอกว่าอึดมากได้ 30 นาที
                              ออกกำลังกายแบบยืดเหยือด แม่งไม่น่าเลย นึกว่าจะได้คลายกล้ามเนื้อ 
                              ปรากฎว่า ปวดหนักมาก ปวดหนักกว่าเดิม

สรุปผลที่ได้ใน 1 สัปดาห์ 

.....เห็นผลโครตๆ ทั้งที่ออกกำลังกายไม่เต็มที่เฉลี่ยแค่ 30%

น้ำหนัก             จากเดิม 94.8        เหลือ 90.3 กก.
หน้าอก             จากเดิม 41"          เหลือ 39.5"
เอว/พุง (เขม่ว)  จากเดิม 46"(44")  เหลือ 44"(42")
สะโพก              จากเดิม 44"          เหลือ 42"
ต้นแขนซ้าย      จากเดิม 34cm.      เหลือ 33cm.
ต้นแขนขวา       จากเดิม 33cm.      เหลือ 32cm.
ต้นขาซ้าย         จากเดิม 62cm.      เหลือ 59cm
ต้นขาขวา          จากเดิม 63cm.      เหลือ 61cm.

จบการรีวิว 

กลับมาออกกำลังอีกครั้ง เมื่ออายุ 39 ปี ...หยุดเชิ้อ เพื่อชาติ อยู่บ้าน ตามนโยบายรัฐ

ช่วงนี้โควิท 19 ระบาด

.....หยุดเชื้อ เพื่อชาติ อยู่บ้าน ...ตามนโยบายรัฐ

ประกอบกับคิดจะออกกำลังกายด้วย 

เนื่องจากน้ำหนักตัวบวมมากแล้ว ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย

เลยเอาตารางเก่าๆ มาเล่นใหม่ ด้วย P90X ผสมกับ P90XPlus , P90X2 , P90X3 เป็นตารางฝึกใหม่
เริ่มวันที่ 30 มีนาคม 2563 เป็นวันแรก





วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ไดเอท ลดน้ำหนัก รีดน้ำหนัก แบบโหดๆๆ โหดกว่าออกกำลังกาย

บอกกันตรงๆเลยว่า ตั้งแต่วันที่ 15 - 21 มิถุายน แทบไม่ได้ออกกำลังกายเลย

มีออกกำลังกายตอนเช้าบ้าง แค่ 2 วันเอง ใช้ CVX กับ MMX แค่นั้น
น้ำหนักตัวที่ 77 กว่าๆๆ

เนื่องจากนอนน้อย เครียด ขี้เกียจ ไม่มีแรงจูงใจใดๆๆ ตื่นสาย เบื่อ

มาเริ่มลดน้ำหนักแบบโหดๆๆ
เนื่องจากสาเหตุข้างต้น คือ กรูเบื่อชีวิต อยากจะนอนมันทั้งวัน

เริ่มวันที่ 22 - 30 มิถุนายน
วิธีการคือ
ภาพรวม คือ ทานมื้อเดียวหรือไม่ทาน ทำกิจกรรมสันทนาการ เดินเที่ยว ช็อปปิ้ง ขับรถ ไปเที่ยวสวนสัตว์ ไปเล่นกับเด็กๆๆ เดินตลาดนัด ฯลฯ

1. ตื่นมาตอนเช้า หิว น้ำ 1-2 แก้ว
2. สายๆ ยังหิวอยู่ ดื่มนมจืดไม่มีไขมัน 1 กล่อง
3. ทำอะไรก็ได้ เช่น ไปเที่ยว ไปทำงาน ไปเรียน ขับรถ ช็อปปิ้ง อ่านหนังสือ หรือเบื่อชีวิตจัดก็นอน
4. เริ่มหิว ทำไง?? ไม่กินยอมอด อดบ้างมันไม่ตายหรอก
    หรือดื่มน้ำ พวกน้ำที่ขับปัสสาวะ เช่น น้ำใบเตย น้ำตะไคร์ น้ำดอกคำฝอย เจียวกู้หลาน
5. ช่วงเที่ยง หิวอีก ทำไง?? ทนคับ หากิจกรรมทำที่ทำให้ลืมหิว
    (บอกก่อนนะว่า ผมทำหิวเก่ง คือ หิวก็ช่างมัน ไม่สนใจ ร่างกายก็จะลืมคำว่า "หิว" ไป)
6. บ่ายๆ หิวอีก ทำไง?? ก็กินน้ำพวกที่ขับปัสสาวะอีก ดื่มไปเด่วมันก็ไปห้องน้ำเอง
7. เย็นๆๆ คราวนี้ หิวอีกหิวจริงๆว่ะ ทำไง?? มาม่าคัพถ้วยเล็ก ซดน้ำไม่เหลือซาก
    อีกทีเลือก ช็อกโกแลตแบบดาร์ด บางทีก็ไอติม 1-2 แท่ง
    (สาเหตุที่ต้องทานแล้วเพราะว่า ไม่ทาน นอนไม่หลับ ดื่มน้ำมาก ก็ไม่ได้นอนอีก)
    (บางทีก็ทานตั้งแต่บ่ายๆๆ) หรือ (บางวันทานมื้อเที่ยง เช่น ลาบ น้ำตก แต่ไม่ทานข้าวนะ
8. ดึกๆ หิวอีก ทำไง?? ถ้าวันนี้ได้ทานไรมาบ้างแล้ว ก็น้ำเปล่าสักแก้ว แล้วไปนอนซะ
    ถ้ายังไม่ทาน ก็ หาอะไรเบา เช่น นมจืดสักกล่อง
9. อีกวิธีที่ลืมความหิวได้ ทำไง?? หาอะไรทำต่อเนื่องที่กดดันหรือให้เราติด
    เช่น เคลียร์งานไม่เสร็จแต่ต้องไม่ทานนะ
           เล่นเกมส์ โหลดมาเลยหลายๆเกมส์ เล่นให้ติด แล้วมันจะลืมความอยากกินไป
           **ถ้าเครียดก็ไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ ดูอะไรเขียวๆ เช่น ต้นไม้ ดอกไม้ ฯลฯ
          แล้วมันจะลืมความหิวไปเอง ผ่อนคลายด้วย

อีกวิธีที่ผมทำ (ทำวันเว้นวันหรือแล้วแต่อารมณ์)
10. เกือบลืม (พอดีผมชอบทานเหล้า)
      คนกินเหล้าจะรู้ว่าดื่มคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้จะเบื่ออาหาร
      ผมจะไปนั่งกินเหล้า สั่งมาแบนนึง
      วันนึงดื่มประมาณกี่ฝาไม่รู้ รู้แต่ว่าสั่งโซดามา 2 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวด กับแกล้มเบาๆ 1 จาน
      แบนนึงกินได้ประมาณ 4 ครั้งถึงหมด
      (บางวันก็พยายามหาเรื่องให้อ้วกแตกให้ได้ ที่ดื่มมา+มวลน้ำในร่างกาย จะออกมาหมด)
      ถ้าวันนี้ดื่ม เช้ามาจะออกกำลังกายหรือทำงานหนักไม่ได้ หมดแรง ก็จะดื่มแต่นม กับน้ำ
      วันต่อมา อาจจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายบ้างสัก 20-30 นาที

แล้วก็กลับไปเริ่มที่ข้อ 1 ใหม่ ในวันถัดไป

มีเท่านี้แระ บางวันผมก็ลืมทานนะ

ปล. ตอนผมบวช 3 เดือน น้ำหนักจาก 80 เหลือ 67 กิโล
ผมฉันท์เช้า 1 มื้อ เดินขึ้นลงเขาประมาณ 800 เมตร
ขึ้นแบบชันๆๆ บันได 99 ขั้นๆละ 1 ฟุต วันละ 3-4 รอบ
เดินจงกลมวันละ 25-30 กิโล (วัดจากการนับก้าวของมือถือ)
ตกเย็น ออกกำลังกายคาร์ดิโออีก 30 นาที
บางวันลืมฉันท์เช้า ก็จะกินแต่น้ำ หรือสาหร่ายเท่านั้น (นมห้าม)
ตื่นเช้าเดินบิณฑบาตรอีก 4 กิโล
คิดเลยนะ ต้องเป็นลม หน้ามืดแน่ๆๆ ....แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่เคยหน้ามืด เป็นลมเลยสักครั้ง
เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้ไม่ได้บวช มันมีแต่ความคิด ความอยาก ที่ทำให้เราหิว

ถ้าตัดตัณหาความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากหิว ออกไป
มันก็จะไม่อยาก ถึงขั้นเห็นเพื่อนร่วมงานกิน หรือใครชวนกิน ก็ไม่อยากกิน ทั้งที่หิว

นี่คือการไดเอท แบบโหดๆๆที่ผมทำ
ผลลัพธ์ คือ น้้ำหนักจาก 77 กว่า ตอนนี้เหลือ 72
พุงจากเดิม 42-44 นิ้ว ตอนนี้ 36 นิ้ว
หน้าอกจาก 44 นิ้ว ตอนนี้ 40 นิ้ว
หน้าตอบลง คาง 2 ชั้นหายไป
ส่วนมวลร่างกายอื่นๆ เช่น ข้อมือ แขน ต้นขา น่อง  
วัดแล้วได้เท่าเดิมไม่ลดเลย



ขออีก 2 โล จะเริ่มเอาซิกแพคแบบโหดๆๆ 
งานนี้พีี่มีัทางลัด

วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เริ่มต้นใหม่ด้วยการไดเอท คลีนฟู้ด

บอกเลยตั้งแต่ปีใหม่ว่าจะออกกำลังกายแล้ว
แต่ด้วยเหตุผลของความขี้เกียจ+ติดธุระที่ทำให้ไม่สามารถออกกำลังกายเป็นเวลาได้ จนพาลขี้เกียจไปเลย
ก็มีทั้งกินเหล้า ดื่มเบียร์ ดูดบุหรี่ กินเที่ยว สารพัดครบครัน
จนน้ำหนักพุ่งไปที่ 88-90 ตัวบวมมาก

จนวันนึงหลังสงกรานต์ก็เริ่มจัดการตัวเอง
ด้วยการไดเอท + กินคลีนฟู้ด แต่ไม่เคร่ดเครียดมาก
คือ
เริ่ม วันที่ 16 เมษายน 2560
เช้า  - อกไก่
กลางวัน - ไข้ต้ม 2 ฟอง
เย็น - อกไก่อีก
บางทีก็...
เช้า - อกไก่ ไข่ต้ม
กลางวัน - มันต้ม
เย็น - อะไรไม่รู้จำไม่ได้ แต่คลีนอยู่
หลังๆๆ.....
เช้า - ไก่ย่าง ข้าวเหนียว
กลางวัน - โอรีโอ 3 ชิ้น
เย็น - ยำอะไรไม่รู้ แล้วแต่อารมณ์
บอกแล้วไม่เครียด

ผลคือ 
เริ่มจากต้นเมษายน อยู่ที่ 88-90 ก็พยายามวิ่ง แต่เหมือนยิ่งวิ่งยิ่งกิน ตายๆๆ
ช่วงสงกรานต์น้ำหนักอยู่ที่ 84-85 (ใช้วิธีไดเอท ไม่ออกกำลังกายดีกว่า)
ผ่านไป 1 เดือน คือ กลางเดือนพฤษภา อยู่ที่ 80
กลางเดือนมิถุนา อยู่ที่ 77-78 
ไม่ลดแล้ว เพราะไม่มีวินัยในการกินเลย




















มีรูปประกอบ จากการไดเอท พบว่า มวลร่างกาย คือ หน้าอก กับหน้าท้องลดลงเท่านั้น
ที่เหลือคงเดิม เริ่มใส่เสื้อผ้าได้มากขึ้น

แต่ผมต้องการใส่เสื้อ Slim Fit หรือพวก Size M, L ให้ได้
นับแต่วันจันทร์ที่ผ่านมานี้ จะเริ่มจริงจัง (จะได้กี่วันไม่รู้ ก็จะลองดู อีกสักครั้ง)

บอกก่อนว่า
อายุ 36 ปี สูง 180 ไม่ออกกำลังกายช่วงนี้ แก่ตัวจะลำบาก 

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

ขอลาออกจากความเป็นตัวเอง (ต่อ) หักดิบ

ความเป็นตัวเอง ตัวตนเนี่ย มีอะไรเยอะแยะที่มันไม่ดีและไม่ควร
จริงๆ แล้วผมเลิก บุหรี่ มาเกือบ10ปี
วันที่เลิกบุหรี บอกกับตัวเองว่า
จะหยุดกินเหล้ากินเบียร์ด้วย
ก็ตามนั้น หลังจากเลิกบุหรีมาเกือบ 10 ปี
ภายใน 10 ปี ดูดบุหรี่บ้างนะเวลาเครียดโคตรๆๆจริง ก็นับได้ว่าไม่เกิน 5 ซอง
ส่วนเหล้าเบียร์ ก็ดื่มเป็นพักๆๆ พักไหนดื่มก็ติดๆๆกันจนยับจนพัง
พักไหนไม่ดื่มก็ไม่ดื่มเลย
อีกอย่าง คือ ผมเป็นคนที่อารมณ์ดีแล้วจะชอบไปนั่งกินเหล้าจิบเบียร์คนเดียว เพราะฉะนั้นตัดคำว่า "ดื่มเพื่อสังคม" ออกได้เลย ถ้ากรูจะไม่ดื่ม สังคมไหนกรูไปกรูก็หาเรื่องไม่ดื่มได้ ถ้าคิดดื่ม คนเดียวก็ยับได้

ตอนนี้เนี่ยร่างกายเริ่มแย่ ไม่รู้ว่าจากอะไรบ้าง
มาดูกันว่า เสพติดอะไรบ้าง
1. บุหรี่ -- เลิกแล้ว เลิกแน่นอน จะไม่กลับไปดูดอีกแล้ว ซึ่ง 3 ปีล่าสุดก็ทำได้ดี
2. เหล้า -- ยอมรับว่ากิน แต่กินยากเพราะต้องมีมิกซ์ ซึ่ง ภายใน 5 ปี ล่าสุด บอกเลยไม่น่าเกิน 10 ครั้ง
แต่ว่าแต่ละครั้งนี่เมายับ ลากกันกลับ แบ่งออกเป็นหลายเหล้า
     2.1 เหล้าไทย --- แสงโสม, มังกรทอง, หงษ์ทอง. รีเจนซี่, 285 ได้ด้วย อย่างต่ำคือ 2 แบน ถ้าถึง 3 แบนหมด ก็เมายับ แต่ยังเดินกลับบ้านได้ ขับรถได้บางที(ใกล้ๆ)
เหล้าเนี่ย จะกินผสมโซดา น้ำ บางทีหรือบางยี่ห้อจะผสมกับน้ำ โซดาไม่ต้อง
     2.2 สาเก --- แนวญี่ปุ่น นั่งกินซาซิมิ จิบสาเก ที่เค้าบอกว่า ดื่มแล้วปลาอร่อยขึ้น กรูนี่แระ ดื่มแล้วปลาไม่อร่อย เพราะเมา ได้หลายขวดเลย
     2.3 เซจู --- แนวเกาหลี อันนี้ไว้กินเป็นเป๊กๆๆ เวลานั่งทำงานที่บ้านก็จะจิบวันละ 2-3 เป๊ก
     2.4 จิน --- อันนี้นับว่าเป็นเหล้าขาวต่างประเทศ ก็ดื่มยี่ห้อ Bombay มีหลายขวดเลย หอม แรง จะเมาหลับ ก็เอาไว้ดื่มตอนทำงานเหมือนกัน วันนึงได้ประมาณ เป๊กเดียว บางทีก็เอาไปกินต่างจังหวัดกับน้ำผลไม้
3. เบียร์ -- อันนี้ดื่มได้หมด ตั้งแต่เบียร์ช้าง ลีโอ ไฮเนเก้น โฮการ์เด้น แต่ไม่ดื่มสิงห์ ก็ปกติถ้าช่วงไหนกินบ่อยๆๆ ก็จะติดๆๆกันแทบทุกวันเลย อย่างต่ำ 5 อย่างมากไม่เกิน 10 แค่พอเมาๆๆ เดินกลับบ้านได้
เว้นแต่ไม่ต่างจังหวัดแล้วนอนพัก มีเพื่อนกินด้วย อย่างต่ำต่อคนก็ 12-15 ขวด เมายับเช่นกัน
4. น้ำอัดลม --- อันนี้เนี่ย ตั้งแต่เลิกดูดบุหรี่ เลิกกินเหล้าเบียร์ ก็มาติดน้ำอัดลมแทน แต่ดื่มเฉพาะแบบไอเอทนะ เพราะกลัวเรื่องเบาหวาน ก็ที่ชอบถึงก็ Coke Light รองมาก็ Pepzi Max บางทีถ้าไม่มีจริงๆ ก็ Coke Zero น้ำอัดลมนี่ก็วันนึง 2-3 กระป๋อง เสพติดยิ่งกว่าเหล้าเบียร์อีก
5. โซดา --- อันนี้จะกินเวลาหาซื้อพวกไดเอทไม่ได้ ซึ่งต่างจังหวัดพวกไดเอทมันหายากก็โซดาแทน เสพติดความซ่าได้เหมือนกัน ยิ่งตอนนี้มีโซดาแบบ Mountain Rock ด้วย คือ แมร่งโครตซ่า บาดคอเลย ชอบมาก
6. กาแฟ --- แต่ก่อนกินกาแฟแบบ3in1 แต่ไม่ติด ไม่ชอบ ตอนหลังมากินกาแฟสด กาแฟสดเราคือ เอาเมล็ดกาแฟมาบดเลย แล้วชงใส่ซองดริฟ กาแฟดำล้วนๆๆ เออ ดีว่ะ ดื่มแล้วหลับสบาย วันนึง 2-3-4 แก้วเลย ใจไม่สั่นเหมือนกาแฟแบบอื่นด้วย

ก็ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ของด (แบบหักดิบ) ทุกสิ่งอย่างที่กล่าวไป ยกเว้น กาแฟ
เพราะต้องการคาเฟอีนเข้าร่างเพื่อการออกกำลังกายที่อึดขึ้น (คิดเอาเอง)

เพราะอะไรนะหรอ เพราะความสบายใจ
บางคนบอกว่า ติดเหล้าติดเบียร์ก็ดีกว่าติดน้ำอัดลม 
แต่ผมกินน้ำอัดลมแบบไดเอท เพราะงั้นน่าจะดีกว่าเหล้า
บางคนก็บอกอีกว่าพวกอัดลม น้ำอัดลม โซดา แม่งมีก๊าซทำให้กระดูกพรุน ฟันผุ บ้าง ไม่รู้นะ
ความเห็นส่วนตัว คือ เวลาป่วยไปหาหมอ เรื่องโรคเกี่ยวกับกระเพาะลำไส้เนี่ย หมอจะให้งดเหล้าเบียร์ น้ำอัดลม โซดา บุหรี่ กาแฟ เพราะมันจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะ

เพราะฉะนั้น ก็งดทั้งหมด ยกเว้น กาแฟ
จบ


ปล.เวลาหักดิบอะไร แล้วลงแดงเนี่ย กรูคงแดกกระจาย แมร่งจะอ้วนกว่าเดิมอ่ะเด่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

ขอลาออกจากความเป็นตัวเอง

คือ .....จะบ่น

คืนวันที่ 24 มกราคม 2560
เอาจริงๆนะ ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว นั่งเฝ้าคิดคำนึงเรื่องเหล้าว่าจะกินเหล้ายี่ห้ออะไรดี ร้านเค้าจะขายยี่ห้ออะไร ในหัวสมองไม่เป็นอันทำงานเลย
เนื่องจากคืนวันที่ 23 ไปหาเพื่อนแถวสนามบิน คือ เพื่อนนั่งดื่มคนเดียว (อารมณ์เดียวกับเรา)
มันกินรีเจนซี่ไป 2 แบนครึ่ง ส่วนเราน้ำเปล่าล้วนๆๆ เพราะร้านไกลบ้าน ด่านเยอะ












คืนวันที่ 24 ก็ตั้งแต่ 5 โมงเลยครับ
แสงโสม 1 แบน กับโซดา 2 น้ำเปล่า 2 กินตอน 5 โมงเย็น หมดแบนตอน 17.30 น. คือ ไวไปมั้ย
มาแสงโสม แบนที่ 2 กับโซดา 2 น้ำเปล่า 2 กินหมดตอน18.30น.มั้ง ดูจากเวลาถ่ายรูป
มาแบน 3 รีเจนซี่ กับโซดากี่ขวดไม่รู้ น้ำเปล่าไม่ได้นับ กับแกล้มไม่กิน
กินเกือบหมดน่าจะราวๆๆ 2 ทุ่ม เพราะดูจากเบอร์โทร โทรไปหาคนขับรถให้มารับไปส่งบ้าน
จิงๆบ้านก็อยู่ตรงข้ามกับร้านแระ เดินประมาณ 800 เมตรเอง
คนขับรถบอกว่าไม่มีกุญแจ ซวยกรูแระ คิดตังมา พันเดียวมั้ง











ระหว่างที่จ่ายตัง อยู่ดีๆๆก็มี message ข้อความเตือนว่า เรามีประชุมเช้าที่วัดแห่งหนึ่งเรื่องหนังสือธรรม
ตอน 8 โมงเช้า นึกในใจชิบหายล่ะ จะไม่ไปก็ไม่ได้
ตอนแรกกะทำเล่นๆๆ ทำไปทำมา เสือกเก่งอีก เค้าให้เป็นแกนนำ ตายละหว่า เมาขนาดนี้
ก็เดินเซๆๆ กลับบ้าน เปิดประตูบ้านได้ ด้วยความเมา ก็นอนมันแถวๆประตูนั่นแระ
โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ชาร์ตเครื่องนึง อีกเครื่องไม่ได้ชาร์ต ...เออกรูเก่งเนอะ ชาร์ตได้
สรุปหลับยาวๆๆๆ ตื่นมาอีกที ตี4 เพราะตั้งปลุกล่วงหน้าเป็นเดือนเลย
คือ นอกจากตั้งให้ message เตือนแล้วก็ตั้งให้มันปลุกด้วย แบบรัวๆๆ ปังๆๆ เพราะเรื่องนี้สำคัญ
ผิดนัดไม่ได้

ก็อาบน้ำ แปรงฟัน หายเมาแระ
แต่ประเด็นคือ กลิ่นเหล้า แมร่งหึ่งตลบปากเลย ทั้งลมหายใจ
ตี 5 ขับรถแบบมีกลิ่นเหล้าไปวัดแต่เช้า เพราะกลัวรถติด
ตอนประชุมเสร็จ พระเจ้าคณะอำเภอที่นั่งใกล้ๆๆ ถามเราว่า
...โยมเมื่อคืน ดื่มเหล้ามาหรอ ไม่ดีเลยนะ ทำงานแบบนี้ ดื่มเหล้ามันจะไม่มีสติ
คือ กลิ่นมันฟุ้งมาก น่าขายหน้าที่สุดเลย
กรูก็ดันเถียงด้วยนะ ที่ผ่านมาเนี่ย ถ้าไม่ได้เหล้า หรือไม่ได้ดื่มระหว่างทำงาน
งานท่านไม่เสร็จแน่นอน ทำทุกวันนี้ เพราะดื่มเหล้าเบียร์ทุกครั้งในระหว่างทำงานเลยนะ
..กรูก็เลยโดนพระเทศน์ตอนเพล ไปชั่วโมงนึง
เทศน์ไปก็เท่านั้น ถ้ากรูเลิกได้เลิกไปนานแล้ว ก็ฟังๆๆ ครับๆๆ ไปแบบนั้นแระ

ระหว่างนั้น ก็มี message เตือนอีก ว่าตอน บ่ายโมง
ต้องมีไปสอน อบรม ธัมมะอาสา ที่จะมาช่วย
เอาละหว่า ความชิบหายเยือน รีบขับรถกลับบ้าน
มานั่งดูบันทึกข้อความ ....โอเค ใช้อารมณ์ล้วนๆๆ
นั่งจับเมาส์ มือสั่น เหงื่อแตก กรูจะอธิบายได้มั้ยล่ะ จริงๆ เริ่มปวดหัวนิดๆๆ
เรื่องตอนเช้ามันเครียด

พอดีกลับธัมมะอาสา ขออนุญาตมาสาย เราก็ยินดี เพราะเราไม่พร้อมอย่างแรง
ก็ใจร่มๆ ค่อยๆ อธิบายไป ให้ตัวอย่าง พร้อมวิธีแก้ไข

โอเคผ่าน

แต่ตอนเช้าเนี่ย ตอนที่ขับรถไปวัด ตอนที่อยู่ที่วัดรอประชุม
เราได้นั่งทบทวนว่า ...เราควรจะลาออกจากความเป็นตัวเองได้แล้ว
เช่น
1. เรื่องขี้เมา --- ลด ละ เลิก (เราจริง หักดิบไปเลย) จิงๆก็ทุกวันแระ ไม่เหล้าก็เบียร์ ขนาดไหน
                          ถ้าเบียร์ก็ 5-10 ขวด ต่อวัน เหล้า 2-3 แบน
2. เรื่องขับรถเร็ว -- จริงๆ ในความรู้สึกเราอ่ะ ก็ขับธรรมดา แต่ทุกคนลงความเห็นว่าเร็ว
                              เร็วแค่ไหนถ้ากลางคืน ออกจากบ้านเที่ยงคืน 6โมงถึงเชียงใหม่
                                                                                                     6โมงถึงหนองคาย
                                                                                                      6กว่าๆถึงธาตุพนม
                             ไม่ต้องคิดว่าเหยียบขนาดไหน
                             ถ้ากลางวันออกจากอุดรเช้า เที่ยงก็ถึงบ้าน พร้อมจดหมายรักจากตำรวจ
                             ปีๆนึงเกิน 20 ใบ
                             คือ เร็วตอนโล่งนะ ไม่ชอบปาด แต่ชอบมุด
                             เคยรถหมุนก็หลายที หลุดโค้งก็หลายที แต่ก็เฉยๆๆ เพราะขับเร็ว
                             **แต่จะขับเร็วเฉพาะขับคนเดียว มีคนนั่งด้วยก็ไม่เกิน 120
3. เรื่องอีโก้ -- คือการศึกษาอ่ะนะ มันสูง หลายมหาลัย บางที่ก็มีโล่ติดมือมาด้วย ทำให้ชอบคิดว่าตัวเองเก่ง ไม่ได้คิดว่าเหนือคนอื่น แต่คิดว่าเก่ง ทุกๆเรื่องที่เข้ามา เบสิก กรุทำได้ทุกอย่าง
4. เรื่องไดเอท --- ก็คิดเอาเอง เออเองว่า พยายามลดแป้ง ลดไขมัน ลดทุกอย่าง แต่ความจริงน้ำหนักแมร่งไม่ลดเลย แล้วดันทะลึ่งแดกเหล้าเบียร์อีก
5. เรื่องคิดว่าตัวเองมีพลังวิเศษ --- คือไม่ใช่อะไรหรอก เป็นไพโบล่า บ้าพลังอ่ะ ถ้าช่วงบ้าก็บ้าจิง ถ้าไม่บ้า ก็นอนได้ทั้งวัน จริงๆๆก็พยายามกินยาช่วยนะ แต่ไม่รู้สิ ยังไม่หาย
6. ไม่รู้ว่า วันนั้นคิดได้เป็น 10 เรื่อง วันนี้จำไม่ได้
แต่ก็หลักๆๆ เท่านี้

จึงเรียนมาเพื่อความลาออกจากความเป็นตัวเอง
ปลดล็อคตัวตน สร้างลุคใหม่ สร้างชีวิตใหม่
ชีวิตเป็นของเรา ไม่ต้องหมอดู ดูดวงให้
ทำวันนี้ให้ดี แล้วทุกๆๆวันจะดีเอง
ก็เริ่มวันที่ 25 (คือ เมื่อวาน)
จบ



ภาพบรรยากาศร้านนั่งกิน เห็นทีไร อยากทุกที อาหารก็อร่อย





วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

ไม่เผลอ ...แต่ยอมรับ

คือ ตั้งแต่วันที่ 12-13-14-16-18
5วัน ไม่เผลอใจเลย ตั้งใจไปนั่งดื่มเบียร์+กินกับแกล้ม ไปคนเดียวด้วย
อย่างต่ำ ก็ 5 ขวด ถึง 7-9 ขวด ต่อวัน
คือ อร่อยอ่ะ ฟินมาก มีความสุขในการดื่ม
ไม่ได้สนใจผลที่ตามมาเลย
อุตส่ากำลังใจออกกำลังกายมากมาย ท้ายสุดก็ยังกลับไปกิน
ร้านแมร่งอยู่ตรงข้ามซอยบ้าน แดกไปสิ ดื่มไปสิ
ตัวบวมกว่าเดิมอีก คือ รู้สึกว่าออกกำลังกายไป 3 วันเนี่ย แข็งแรงขึ้นนะ
แต่ก็บวมขึ้นด้วย





ร้านหน้านั่งมาก













ลีโอเบาๆๆ









กับแกล้มเท่าไรมาหมด












น้ำเปล่าก็ทานเยอะๆๆ อย่างต่ำ 3 ขวด + เบียร์++













ไม่ถึง 5 ไม่มีวันเลิกลา












บางวันก็เปลี่ยนร้าน แต่ดื่มเหมือนเดิม









บรรยากาศแบบนี้ อดใจไม่ไหวหรอก


แล้ววันนี้วันเสาร์ คิดอยู่เนี่ย จะไปดื่มอีกดีมั้ย
ดื่มเสร็จกลับบ้านนอนหลับสบาย
วันนี้วันส่งเทพขึ้นสวรรค์ไปรายงานเง็กเซียนด้วย
ระหว่างเทพไม่อยู่ เราก็หนีเที่ยวตามระเบียบดีกว่า
เมื่อเช้า เผากระดาษม้า และเงินใต้โต๊ะไปแระ

ดื่มสั่งลาอีกสักวัน (จริงหรอ) แล้วต่อไปจะลด ละ เลิก ให้ได้ด้วย
เนี่ยกลางวันเนี่ย นั่งทำงานอยู่ แต่ใจเนี่ย อยู่แต่ร้านเบียร์เลย
ทำงานไม่มีใจเลย

แล้วสัปดาห์หน้าเรื่องต้นกันใหม่ ...บาย

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560

คติเตือนใจ

"ผมออกกำลังกายแบบสติอยู่กับปัจจุบัน อนาคตหรือพรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง"
"จะปวด จะเจ็บ จะพัง ช่างมัน เอาปัจจุบันนี้ นาทีนี้ ให้เต็มที่และปลอดภัย ...แล้วอนาคตจะดีเอง"


"ความบ้าพลังจงบังเกิด แก่ร่างกายของข้าพเจ้า ขอให้อย่าเจ็บอย่าป่วย ขอให้ถูกหวย"
"มองขันท์ 5 ให้ออก แยก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ออกมา ให้ใจกำหนดเห็น รู้แจ้ง ...ขอให้มีร่างกายที่บริบูรณ์ เพื่อพร้อมเดินทางเข้าสู่นิพพาน" - มาแนวศาสนาล่ะ
"การออกกำลังกาย ก็เหมือนการเดินจงกลม ออกกำลังไปเรื่อยๆ ให้เหมือนตอนเดินจงกลมไปเรื่อยๆ อย่าไปสนใจเรื่องเวลา หรืออดีต หรืออนาคต ทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์ มีอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มองให้เป็นเพียงความว่างเปล่า สติอยู่กับร่างกาย อยู่กับปัจจุบัน ...แล้วความเหนื่อย มันมีอยู่ก็จริง แต่มันทำอะไรในใจเราไม่ได้ กายเหนื่อย และใจไม่เหนื่อย เมื่อใจไม่เหนื่อย ใจก็มีพลัง ได้ทั้งพลังกาย พลังใจ พลังจิต ไปพร้อมๆกัน ..เมื่อใจพร้อม กายก็สบาย ออกกำลังกายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้มันจะหนัก แต่มันก็สบายใจ"
"อนาคตหรอ เป้าหมายหรอ ไม่มีหรอก กระทำมันวันต่อวัน นาทีต่อนาที อย่าไปคาดหวังอะไรเยอะ ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติในตัวมันเอง"

ตอนผมบวชเนี่ย เดินจงกลมวันละประมาณ 8 ชม. + บิณฑบาตรเช้า รวมระยะทาง 25-30 กิโล 
วัดจาก มือถือ มีประโยชน์จริง ใช้จนสึกออกมาต้องซื้ออะไรใหม่ที่ไม่ใช่มือถือ เพราะเกะกะเอามากๆ

ปล.วันนี้มาทำงาน ดูภายนอกเหมือนไม่มีไร แต่ร่างกายนี่อย่างปวดเลย ก็พยายามอย่าฝืนตัวเอง ปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติ ทำอะไรเท่าที่ทำได้ อย่าหักโหม จะได้ไม่เจ็บไม่จน รวยๆเฮงๆๆ